เด็กโข่งจากบ้านนอกกับการมาญี่ปุ่นครั้งแรก: วันที่ 1 (Sapporo)

Tanawat Tassana

หลังจากแต่งงานมาหนึ่งปีก็ได้เวลามาฮันนี่มูนกันซะที ว่าแล้วผมกับภรรยาก็ขอลางานอันเป็นที่รัก เก็บกระเป๋าอันใหญ่กว่าตัวเราสองคนมัดรวมกัน บินข้ามนำ้ข้ามทะเลมายังประเทศญี่ปุ่น เราจะเที่ยวที่นี่กัน 9 วัน

เหตุผลที่เลือกประเทศนี้มันง่ายมากๆ สำหรับผมผู้ไม่เคยไปไหนไกลกว่าเวียดนาม การมายังประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของการ์ตูนที่อ่านมาตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้มันคือความฝันชัดๆ! ส่วนภรรยาที่เดินทางไปมาแล้วหลายประเทศ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เธอไม่เคยไปมาก่อน และที่สำคัญคือตอนเด็กๆเราถูกซูเนโอะขี้อวดใส่(พร้อมๆกับโนบิตะ)ว่าได้มาเล่นสกีที่ซัปโปโร เราเลยอิจฉา!

เราเลยจะมาเล่นสกีที่ซัปโปโรยังไงล่ะ!

เราบินจากสุวรรณภูมิคืนวันเสาร์ที่ 6 แล้วมาถึงนาริตะเช้าวันที่ 7 เพื่อรอเปลี่ยนเครื่องไปซัปโปโร ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่อยู่บนเครื่องที่ต้องประกาศทุกสิ่งอย่างเป็นสามภาษาตลอด เริ่มด้วยญี่ปุ่น เดส-เดส-มัส-มัส (แน่นอนว่าฟังอะไรไม่ออกซักอย่าง แต่ตั้งใจฟังมากเลยนะ!) ตามด้วยภาษาอังกฤษ แล้วปิดด้วยภาษาไทย เห็นแล้วก็เหนื่อยแทนคนประกาศ

น้องสจ๊วตที่คอยเดินบริการตรงทางเดินที่ผมนั่งอยู่นี่เก่งมากเลยนะ น้องเขามีพรสวรรค์ในการแยกแยะคนว่ามาจากประเทศไหน ผมเริ่มสังเกตตั้งแต่ครั้งแรกเลย โอ้โห น้องเค้าเปลี่ยนภาษาที่ใช้คุยแล้วถูกเป๊ะๆไม่ผิดเลยเว้ย มีป้าคนนึงหน้าญี่ปุ่นมากๆน้องเค้าทักเป็นภาษาไทยเฉย แล้วป้าก็ตอบเป็นภาษาไทย! เฮ้ย เก่งไปแล้ว! ผมนี่นั่งปรบมือรัวๆอยู่ในใจ รู้สึกทึ่ง ประมาณยี่สิบคนไม่ผิดเลย เก่งชิบหาย

จนกระทั่งเดินมาพูดภาษาอังกฤษกับผมเท่านั้นแหละ…พอผมตอบกลับเป็นภาษาไทยน้องแกเหวอมาก นี่คือมั่นใจมากเลยใช่มั้ยว่าไม่ใช่คนไทยแน่ๆ…ทำให้นึกถึงตอนไปมีทอัพแล้วทุกคนต้องคิดว่าเราเป็นคนมาเลเซียหรือเนปาล…หึ

ขอทำตาขีดแปบบบบ (“ -_-)

สิ่งหนึ่งที่โดนทุกคนขู่มาก่อนเริ่มบินก็คือ ผมหนาวตายแน่นอน! เกิดมาไม่เคยเจออากาศหนาวแบบจริงจังมาก่อน ลิงไม่เคยเจอน้ำร้อนอ่ะนะ…พอถึงซัปโปโร เจ้าหน้าที่ประกาศว่า ตอนนี้อุณหภูมิข้างนอกอยู่ที่ -2 องศา โอ้โห มันจะหนาวขนาดไหนเนี่ย ระหว่างรอรถบัสมา ขอไปสัมผัสซะหน่อย ว่าแล้วก็เดินออกไปปะทะกับลมหนาวข้างนอกโดยเสื้อกันหนาวแค่หนึ่งชั้นบางๆ…

วิ่งกลับเข้ามาสิครับรออะไร! หนาวชิบหาย! ไม่เคยรู้สึกโกรธตัวเองที่หูกางขนาดนี้มาก่อน หูเย็นมว๊ากกกกก ตายๆๆ ความหนาวนี่มันอะไรกันเฮ้ย ตอนที่ต้องยืนต่อแถวขึ้นรถบัสข้างนอกนี่แบบ…ทุกๆคนช่วยรีบเดินขึ้นรถเลยค้าบ เอ้า พี่คนนั้นอย่าถามเยอะ ผมหนาวววว เอ้า พี่คนขับอย่าพึ่งเม้ามอยดิพี่ ให้ผมขึ้นรถก๊อนนนนน

แล้วเราก็นั่งรถจากสนามบินมุ่งหน้าไป Jozankei…

ทิวทัศน์ระหว่างทางคือหิมะสิขาวโพลนในทุกๆระยะสายตาที่มองออกไป ราวกับว่ามีคนใช้โปรแกรมเพ้นท์แล้วเผลอเทสีขาวลงบนรูป หิมะค่อยๆตกลงมา แล้วก็รู้สึกว่ามันตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เราลงรถแล้วเดินไปที่โรงแรมท่ามกลางหิมะที่คงใช้คำว่าโปรยปรายไม่ได้ เพราะมันเทลงมารัวๆ

ขอบคุณจริงๆที่จัดให้เด็กเห่อหิมะกับผมแบบเต็ม เต็มมากกกก

หลังเอาของเข้าไปเก็บในห้องเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินสำรวจเมืองแล้ว เราเลือกเดินสำรวจเส้นทางที่เราต้องใช้ในการเดินทางไปสกีพรุ่งนี้ก่อนเลย สำหรับคนที่ไม่เคยหิมะอย่างผมแล้วต้องบอกตรงๆว่า

เมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะนี่มันสวยงามเหลือเชื่อจริงๆ

สีขาวโพลนที่เกาะกันเป็นกลุ่มก้อนเปลี่ยนรูปร่างไปตามวัตถุที่มันปกคลุมอยู่ เหมือนเป็น extension ของพื้นผิวที่ให้ความรู้สึกนิ่มและละเอียดในคราวเดียว รูปร่างที่แปลกประหลาดของแต่ละกลุ่มทำให้ทิวทัศน์ที่เรามองเห็นดูน่าสนใจ เวลามองออกไปจะเต็มไปด้วยคำถามที่ว่าทำไมมันถึงมีรูปร่างแบบนั้นนะ วัตถุที่อยู่ใต้นั้นจริงๆแล้วมันคืออะไรกันแน่…มันเป็นความรู้สึกที่ทึ่งที่ปนเปมากับความพิศวง ผมชอบเมืองนี้!

แต่เราเดินฟินกันได้ไม่นานมาก เพราะหิมะตกหนักขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มแทรกซึมเข้าไปกัดเท้าของเราสองคน จึงตัดสินใจกลับห้องกันดีกว่า แต่ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆกับเมืองหิมะ ผมก็โคตรประทับใจเลย

นี่เป็นประสบการณ์หิมะครั้งแรกของผม…ขอบคุณเอลซ่าที่ช่วยจัดให้อย่างใจฝัน แต่วันหลังช่วยเบามือนิดนึงก็ได้นะ!

ตอนนี้เวลาตีหนึ่งที่นี่ หิมะหยุดตกแล้ว และผมกำลังเฝ้ารอการไปเล่นสกีในวันพรุ่งนี้อย่างใจจดใจจ่อ



Similar Posts by The Author:

    發佈留言