Himeji — Kobe, Japan Trip Day #2

Jirayut Leeupathumvong

30/5/2016

มาถึงวันที่ 2 ที่อยู่ญี่ปุ่น สำหรับคืนที่ผ่านมา นอนค้างคืนที่สนามบิน แต่ละคนนอนไม่หลับ นอนไม่เต็มอิ่มกันบ้าง ต้องตื่นมาตั้งแต่เช้ามึดกันเลยทีเดียว ตอนเวลา ตี 5 ซึ่งเป็นเวลา ตี 3 ในประเทศไทยก็เลยทำให้เพลียกันตามๆกันไป ก็เก็บของและไปหาที่อาบน้ำที่ KIX Airport Lounge

ในเลาจน์ของสนามบินคันไซที่ญี่ปุ่น มีบริการหลายอย่าง เช่น ห้องเช่าส่วนตัว เก้าอี้นวด และเก้าอี้ธรรมดา ทั้งหมดนี้เป็นการเช่ารายชั่วโมงทั้งหมด ส่วนบริการห้องอาบน้ำจะคิดราคาต่อคน 510 ¥ อาบน้ำได้ 15 นาที มีสบู่ ยาสระผม อำนวยความสะดวก และ มีปุ่มหยุดเวลาไม่ให้น้ำไหล เอาไว้เวลาเราทำภารกิจส่วนตัวอย่างอื่นที่ไม่ได้ใช้น้ำ แต่ทว่าตอนที่ไปถึง ห้องอาบน้ำทุกห้องมีคนใช้บริการทุกห้อง นี่ขนาดเช้ามากละนะ เจ้าหน้าที่ก็เลยบอกเส้นทาง ไปที่มีบริการอาบน้ำเช่นกัน

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของ KIX Airport Lounge
http://www.kansai-airport.or.jp/service/relax/pdf/airportlounge_multi.pdf

หลังจากพนักงานบอกเส้นทาง ซึ่งที่นั่นอยู่คนละตึกกันเลย เนื่องจากเมื่อคืนไม่ง่วงก็เลยได้ออกไปเดินเล่นรอบๆตึกที่อยู่ แล้วก็นึกออกพอดีว่ามันอยู่ตรงที่เคยเดินผ่านนั่นเอง

เดินออกจากมาจากตึก Terminal 1 จากชั้น 2 เดินข้ามสะพานมา จะเห็นทางเดินยาวๆ ให้เดินไปเรื่อยๆ ตรงนี้เหมือนจะเป็นโรงแรมสักโรงแรมนึงที่ติดกับสนามบิน และมีให้บริการอาบน้ำอยู่ด้านล่างของโรงแรม ค่าบริการ 500 ¥ ซึ่งถูกกว่า KIX Airport Lounge 10 ¥

ซึ่งของอำนวยความสะดวกและการใช้งานไม่ต่างกันสักเท่าไร และมีบริการไดร์เป่าผมให้เช่า เนื่องจากไม่ได้ใช้บริการของ KIX Airport Lounge ก็เลยไม่สามารถเปรียบเทียบความแตกต่างได้



หลังจากที่ทำภารกิจส่วนตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องหาอาหารเช้ารับประทานกัน โดยเราต้องทำเวลาในช่วงเช้ากันหน่อย ก็เลยซื้อข้าวใน Lawson มากินกันคนละกล่อง บางคนก็ซื้อข้าวปั้นมากิน ส่วนผมซื้อ สปาเก็ตตี้ราดซอสหมู ราคา 369 ¥ (+Tax 399 ¥) โดยราคาทุกอย่างที่ญี่ปุ่นนั้นจะเขียนละเอียดมาก ราคาก่อนบวก Tax และถ้าเป็นอาหารจะบอกแคลอรี่ของอาหารจานนั้นด้วย


เรื่องรสชาติก็โอเค สำหรับอาหารกล่องสำเร็จรูป แต่ส่วนของซอสราดมีความมันมากไปหน่อย กินเสร็จก็ไปจัดการเรื่องตั๋วรถไฟต่างๆนานา และ Pocket Wifi ที่ได้ทำการจองไว้ตั้งแต่ก่อนมาประเทศญี่ปุ่นแล้ว

Pocket Wifi

Pocket Wifi ที่ทำการเช่าเป็นของ Ninja Wifi จำนวน 5 วัน นับตั้งแต่วันที่ 30 ถึงวันที่ 3 ราคารวม Tax อยู่ที่ 4,860 ¥ ราคาต่อวันประมาน 972 ¥ ช่วงที่จองนั้นเป็นช่วงที่มีโปรโมชั่นพอดี ลดราคาไปอีก 1,000 ¥ จึงเหลือ 3,780 ¥ ต่อวัน 756 ¥ ตกเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาน 250 บาท ( 100 ¥ ~ 32.5 ฿) ภายในกระเป๋าของ Pocket Wifi ประกอบไปด้วยวิธีใช้และสายชาร์จทั้งแบบเสียบปลั๊กและแบบ USB โดยเครื่องนี้สามารเชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 10 เครื่องด้วยกัน

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pocket Wifi ของ Ninja Wifi

Pocket WiFi Router Rental Japan – NINJA WiFi
NINJA WiFi is a Mobile WiFi router rental service. Much easier than using SIM cards and Roaming, you can connect your…ninjawifi.com

Pass ของรถไฟต่างๆ

ในเรื่องของ Pass รถไฟในทริปนี้ จะเลือกซื้อของ Kansai Area Pass จำนวน 2 วัน คือสามารถเดินทางรถไฟสาย JR ในแถบ Kansai ได้ตลอดทั้งสองวันไม่จำกัด ราคา 4500 ¥ ซึ่งถ้าจองออนไลน์มาก่อนแล้วราคาจะถูกกว่านี้ประมาน 100–300 ¥

โดย Pass ชนิดนี้จะมีให้เลือกใช้ 1 ถึง 4 วัน โดยจะต้องใช้ติดต่อกันเท่านั้น ในทริปนี้จะเลือกใช้ในวันที่ 1 และ 2 เดือนมิถุนายนนะครับ อันนี้ต้องซื้อที่สถานีรถไฟ ที่สนามบินไม่มีขายนะครับ

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Kansai Area Pass

Kansai Area Pass Information
There are four types of Kansai Area Pass: 1 day, 2 days, 3 days, and 4 days. Validity period Booking online or…www.westjr.co.jp

ตั๋วอีกชนิดนึงที่เลือกใช้ในทริปนี้คือ Osaka Amazing Pass
Pass อันนี้จะเดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดินเท่าน้ัน ( Subway ) แต่ตั๋วชนิดนี้มีพิเศษต่างกับตั๋วชนิดอื่นคือสามารถเข้าหรือใช้บริการในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้ฟรี หรือ ในราคาพิเศษ ช่วยประหยัดเวลาการซื้อตั๋วเข้าได้ไปเล็กน้อย ส่วน Pass อันนี้ผมซื้อในแบบ 1 วันใช้ในวันสุดท้ายของทริป โดย 1 วันจะมีรถไฟสายต่างๆให้ใช้ฟรีมากกว่าประเภท 2 วัน มีขายที่เคาเตอร์ของสนามบินอยู่บริเวณชั้น 1 ตรงกลางตึก Terminal 1 เปิด 7 โมง และมีขายที่สถานีรถไฟเช่นกัน

รายละเอียดเพิ่มเติมของ Osaka Amazing Pass

Osaka Amazing Pass 2016
観光スポット約30ヶ所が無料 朝から晩まで なにわワンダーランド Osaka Amazing Pass 2016www.osaka-info.jp

หลังที่ซื้อตั๋ว และไปรับ Pocket Wifi เสร็จเรียบร้อย ก็เดินทางไปยังโรงแรมที่ได้ทำการจองไว้ ชื่อว่า Hotel Kansai ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Kansai ก็คือ Osaka นั้นเอง ไม่ห่างจากสถานี Osaka สักเท่าไร ทำให้การเดินทางไปแต่ละที่สะดวกมาก เพราะสถานีนี้มีขบวนรถไฟเกือบทุกสายรวมกันอยู่

ตั๋วรถไฟจาก สนามบินคันไซ ไป ยังสถานี Osaka ที่อยู่ใกล้กับโรงแรมนั้นราคา 1190 ¥ ด้วยรถไฟของประเทศญี่ปุ่นนั้นมีหลากหลายจำนวนมาก นั้นแหละครับทำให้เกือบหลงตั้งแต่วันแรกเลย โชคดีที่มีป้าใจดีคนนึงทักบอกว่าต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟสถานี Hineno นะ ซึ่งเป็นสถานีที่จอดอยู่พอดี ทุกคนก็ต่างรีบลงจากขบวนนั้นทันที แต่มีผู้ชายคนนึงที่อ่านอะไรสักอย่างไม่หลบทางให้ คนในขบวนก็ช่วยเรียกให้หลบ แต่เขาทำเหมือนไม่ได้ยินที่คนในขบวนเรียกเลยก้มหน้าอ่านต่อไป สุดท้ายก็ออกจากขบวนนั้นมาได้


เมื่อลงมาจากรถไฟขบวนนั้นมาแล้ว ด้วยความงงกับระบบรถไฟของที่นั่นขบวนที่รออยู่อีกด้านนั้น ที่จริงแล้วเป็นขบวนที่ต้องขึ้น แต่ไม่ได้ขึ้น ก็เลยมาขึ้นขบวนถัดไปแทน ไปเหมือนกัน แต่รถไฟสายที่ขึ้นนี่เป็นสาย Local ที่จะจอดทุกสถานี เอาไงละ นานละสิทีนี้ ต้องหาสถานีที่เปลี่ยนไปขบวนที่ไวกว่านี้


ก็คอยมองสถานีที่สามารถเปลี่ยนได้ไปเรื่อยๆจากบนรถไฟที่กำลังนั่งอยู่ พอรถไฟจอดที่สถานีๆนึง ก็คิดว่า “เป็นไงเป็นกัน ลง!! เสี่ยงดวงว่าอีกขบวนจะเป็นสายที่ไวกว่าหรือไม่” นั้นแหละคับ เป็นขบวนที่ไวกว่าจริงๆด้วย ขบวนนี้จะเป็นสายที่เรียกว่า Rapid Service ที่จะข้ามสถานีย่อยๆลงแต่สถานีหลักๆเท่านั้น จากนั้นก็ลงสถานี Tennoji ไปต่อรถไฟสาย Loop Line ที่จะวนรอบๆเมือง Osaka เท่านั้น และไปลงที่สถานี Osaka เพื่อที่จะเดินต่อไปยัง Hotel Kansai

สรุปการเดินทางจากสนามบินไปยังสถานี Osaka
Kansai Airport Station ไปเปลี่ยนขบวนที่สถานี Hineno ด้วยสาย JR Kansai Airport Line for Hineno และขึ้นสาย JR Hanwa Line Rapid Service for Tennoji ไปลงที่ Tennoji Station เพื่อไปเปลี่ยนขบวนไปยัง Osaka Station ด้วยสาย JR Yamatoji Repid Service for Osaka

จริงๆแล้วยังมีอีกหลายสายให้เลือกขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นไปเปลี่ยนขบวนที่ Shinimaniya Station หรือ รวดเดียวถึง Osaka Station เลย ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของรถไฟที่มาเท่านั้น



ซึ่งทางเดินใต้ดินนั้นมีความซับซ้อนและใหญ่พอสมควรก็ทำให้เดินวนไปวนมาสักพัก กว่าจะเจอทางออกที่ไปยังโรงแรมได้ 55

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hotel Kansai

大阪格安ホテルのビジネスホテル関西|宿泊代を節約したいお客様にオススメ。梅田駅より徒歩10分の好アクセス
商都大阪北区の交通の要「梅田駅」「大阪駅」から徒歩10分の格安ビジネスホテルです。シングル3500円から。www.hotel-kansai.co.jp

ห้องที่ได้จองเอาไว้เป็นห้องสำหรับ 3 คน และ 2 คน อย่างละ 1 ห้อง จำนวน 4 คืน ราคารวม 75,600 ¥ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาน 24,000 บาท ( 100 ¥ ~ 32 Baht )

แต่โรงแรมนี้สามารถเช็คอินได้ตั้งแต่บ่าย 3 โมงเป็นต้นไป ก็เลยฝากสัมภาระไว้กับโรงแรม ออกไปทำอย่างอื่นก่อนแล้วค่อยกลับมาเช็คอิน

ตามแพลนที่วางเอาไว้ก็จะเดินเล่นบริเวณโรงแรมก่อนแล้วช่วงบ่ายค่อยไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แต่กว่าจะถึงโรงแรมก็เกือบเที่ยงซะแล้ว ก็เลยเปลี่ยนแผนไปกินข้าวกันก่อนแล้วไปเที่ยวต่อเลยละกัน

ร้านอาหารส่วนใหญ่ของที่นี่จะอยู่ใต้ดิน หรือ โซนตลาดเท่านั้น ส่วนอื่นๆจะหาร้านได้ค่อนข้างยากเลยทีเดียว ดังนั้นก็เดินในใต้ดินเอาละกัน วันแรกๆก็อยากจะประหยัดเงินไว้ใช้วันหลังๆกันหน่อย หาร้านที่ราคาไม่ค่อยแพงกิน

ตอนแรกก็ดูเมนูอยู่ แล้วก็ไปเห็นแผ่นโปรโมชั่นของร้านพอดีเลยสั่งอันนี้มาลอง เป็นเมนูคล้ายๆ คัตสิด้ง ที่หลายๆคนรู้จักกันอยู่แล้ว แต่นี่แยกออกเป็น 3 ก้อน เล็กๆ เพื่อให้สะดวกต่อการกิน เนื้อหมูข้างในนุ่มมาก ไม่เหนียวเลยสักนิด และเสริฟพร้อมกันเส้นโซบะในน้ำซุป ตกแต่งด้วยต้นหอมและเปลือกของเลม่อนเพื่อเพิ่มกลิ่นให้กับน้ำซุปและเส้นโซบะ โดยในเมนูนี้เส้นสามารถเลือกได้ระหว่าง อุด้ง และ เส้นโซบะ เลือกร้อนหรือเย็นก็ได้เช่นกัน ราคาทั้งหมดก็ 680 ¥ ด้วยกัน


หลังจากกินกันเสร็จแล้ว ไปเที่ยวกันดีกว่า เริ่มที่แรกคือ Himeji Castle หรือ ปราสาท Himeji นั่นเอง

สถานีรถไฟที่นี่มีป้ายไฟบอกรายละเอียดต่างๆได้อย่างชัดเจนมาก ทั้งเวลาที่จอด สายของขบวนรถไฟ เลขโบกี้ของรถไฟ และช่องทางเข้าของรถไฟที่มีสัญลักษณ์ วงกลม สามเหลี่ยม เป็นต้น เอาไว้บอกตำแหน่งในการยืนรอขึ้นรถไฟนั้นเอง

Himeji Castle

ปราสาทฮิเมจิ ตั้งอยู่สถานี Himeji ค่าใช้จ่ายการเดินทางครั้งนี้ก็ 1,490 ¥ ค่อนข้างแพงเลยทีเดียว แพงกว่า จากสนามบินเข้าเมืองอีก 555 โดยครั้งนี้ขึ้นรถไฟสาย JR Special Rapid Service for Himeji ชื่อก็บอกแล้วว่า Special มันจะเร็วกว่าสาย Rapid Service และจอดน้อยสถานี ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดถึง Himeji Station ประมาน 1 ชั่วโมง 15 นาที ด้วยความอ่อนเพลียที่ไม่ค่อยได้นอนของแต่ละคนก็หลับกันไป…


เดินทางมาซะนาน ​แวะซื้อน้ำกินสักหน่อยเป็น Sport Drink ที่รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว น้ำตัวนี้ในประเทศไทยก็มีแล้วแต่จะเปลี่ยนน้ำเป็นน้ำมะพร้าวแทนส่วนรสชาตินี้ยังไม่เคยลิ้มรสเลยว่าเป็นอย่างไร เดียวต้องไปกินเปรียบเทียบกันซะแล้ว แต่ก็คงแตกต่างแหละ เป็นน้ำมะพร้าวแทนอ่ะ

พอถึงสถานี Himeji ก็เดินออกมาก็เห็นตัวปราสาทมาแต่ไกลเลย หลังจากนี้ก็เดินเอาครับ เดินดูบรรยากาศรอบๆของจังหวัด Himeji ใช้เวลาประมาน 20 นาที แต่ถ้าใครไม่อยากเดิน ที่นี่มีบริการรถบัส Loop Line วนบริเวณปราสาทครับ ก็ไปใช้บริการกันได้ ส่วนรายละเอียดผมไม่ทราบเพราะไม่ได้ไปใช้บริการครับ


จากที่เดินมาสักพัก ค่อยๆเห็นตัวปราสาทใกล้ขึ้นเรื่อยๆ บริเวณรอบๆปราสาทนั้นมีส่วนที่เป็นน้ำล้อมรอบอยู่เพื่อเป็นการป้องกันข้าศึกยามศึกสงครามได้ แถวนั้นๆมีแมวหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดีเลยละ ด้วยอากาศที่เย็นสบาย มีลมอ่อนๆพัดตลอดเวลา ก็เดินเล่นหามุมถ่ายรูปสวยๆกัน


แต่ทว่ามีสภาพแวดล้อมไม่ค่อยจะเป็นใจสักเท่าไร เริ่มมีฝนปรอยลงมา ก็เลยต้องเก็บกล้องและย้ายไปสถานที่อื่นต่อแทน เลยไม่ได้เข้าไปในส่วนของปราสาท Himeji คราวหน้าถ้าได้มาแถบนี้อีก จะไม่พลาดอีกแน่นอน ค่าเข้าราคาอยู่ที่คนละ 1,000 ¥

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับปราสาท Himeji

The World Cultural Heritage: Live Capacity House of the National Treasure of Himeji Castle
JR: From Kobe/Osaka, the Sanyo Shinkansen Line : About 30 min from Shin Osaka the JR Kobe Line (Special rapid service)…www.himejicastle.jp

สถานที่ต่อไปที่จะไปคือจังหวัด Kobe นั้นเอง การเดินทางก็นั่งรถไฟย้อนกลับไปเส้นทางเดิม เพราะว่าขาไป Himeji ก็ผ่าน Kobe ทำไมถึงเดินทางแบบนี้ เพราะว่าขากลับไปยังโรงแรมจะได้ใช้เวลาที่น้อยในการเดินทาง ค่าตั๋วรถไฟ จากสถานี Himeji ไปยัง Kobe ราคา 970 ¥

พอถึงสถานี Kobe แล้ว สืบเนื่องจากความเหนื่อยล้าของแต่ละคนแล้ว ก็เดินเล่น นั่งพัก ระหว่างทางตอนอยู่ในห้าง Harbor Land เจอร้านของหวานร้านนึง มีคนต่อคิวยาวพอสมควร พวกเราก็เลยตัดสินใจซื้อกิน เป็นร้านเครปเย็น ลักษณะเป็นทรงกรวย ข้างในจะเป็นใส้ต่างๆ แตกต่างกันไปในแต่ละเมนู โดยพื้นฐานแต่ละอันจะมี Whipping Cream เป็นส่วนประกอบเสมอ

อันที่ผมสั่งก็จำไม่ได้แล้วว่ามันชื่อเมนูว่าอะไร 55 ในเครปนั้นจะประกอบไปด้วย Whipping Cream , Custard cream , Banana , Chocolate Syrup , Powdered sugar และ Pie บอกได้เลยว่าใส้ที่ใส่ให้มันนั้นแน่นและคุ้มค่ามาก ส่วนรสชาตินั้นเห็นว่าใส่ครีมตั้ง 2 ชนิด จะเลียนรึป่าว ไม่เลยครับ กินได้เรื่อยๆ ไม่เลียนเลย ราคาอยู่ที่ 420 ¥

แต่ว่าร้านนี้ไม่ได้มีแค่เครปที่เป็นของหวานนะคับ ยังมีเครปที่เป็นของคาว และ น้ำปั่นต่างๆอีกด้วย


ต่อมาก็เดินมาที่ห้าง Mosaic ที่ติดกับห้าง Harbor Land ซึ่งมีทางเชื่อมติดกัน เราจะไปหาวิวถ่ายรูป Kobe Tower กัน แต่ทว่าระหว่างทางเยอะสิ่งที่ล่อตาล่อใจผมมาก 555 ขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่นแล้ว ที่ขาดไม่ได้อีกอย่างนึงก็คือสารภาพตู้คีบต่างๆนานาหลากหลายชนิด ก็ใช้เวลากับมันไปสักพักนึงเลยทีเดียว แต่ทว่าคว้าน้ำเหลวไม่ได้อะไรกลับมาเลย ได้กลับมาอย่างเดียวคือความเสียดาย ส่วนเรื่องเงินที่ใช้ไปทั้งหมดขอไม่บอกละกันคับ 555

ไอเจ้าตัวนี้แหละที่ผมจะพยายามจะเอามันมาให้ได้ แต่มันไม่ยอมให้ผมเป็นเจ้าของมัน เสียดายจริงๆ คราวหน้าถ้าไปอีกจะไปหาซื้อให้ได้ ( ไหงงั้นละนั้น 555 ) เครื่องนี้วิธีการเล่นก็ไม่ยากคับ แต่ได้ยาก แล้วแต่สถานที่ละกันความยากง่าย ลักษณะจะมีวงแหวนเกี่ยวไว้กับ แท่งเหล็กแท่งนึงที่มีล่องไว้ให้เกี่ยว วิธีการเล่นคือเอาตัวหนีบไปเกี่ยวให้มันหล่นครับ ครับแค่นั้นแหละ 55

ด้วยที่ใช้เวลากับเครื่องเล่นไปสักพักทำให้เวลาในการเดินน้อยลง ก็เลยหาที่ถ่าย Kobe Tower แบบไม่ค่อยได้มุมสักเท่าไรและอยู่หลังกระจกด้วยแหละ เลยได้ภาพที่ไม่ค่อยจะสวยสักเท่าไร แล้วก็เดินทางกลับโรงแรมกัน

โดยราคาค่ารถไฟจาก Kobe Station ไปยัง Osaka Station อยู่ที่ 410¥ วันที่สองนี้ที่ญี่ปุ่นก็จบเพียงเท่านี้ สำหรับวันที่สามนั้น ผมจะพาทุกคนไปยัง Universal Studio Japan!!!!



Similar Posts by The Author:

    發佈留言